The Arrow : ม้ามืดที่พาจักรวาล DC มาสู่จอแก้ว [2012-2020]

เมื่อตอนที่ประกาศสร้าง Arrow ใหม่ๆ ช่วงนั้นกำลังมีกระแสของจักรวาล Marvel ในโลกจอเงิน ที่จะสร้างหลายๆ ซุปเปอร์ฮีโร่ให้เกี่ยวเนื่องกัน Arrow ก็ยังไม่เป็นที่สนใจมากนัก ด้วยความที่มาจากช่องเล็กๆ อย่าง The CW เน้นตลาดเป็นวัยรุ่น หรือผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่ เหล่าแฟนคอมิคก็จับตามองพอประมาณ 

แต่พอเริ่มฉายเท่านั้นแหละ... บรรดาแฟนคอมิคเริ่มให้ความสนใจ พากันทายผู้ร้ายกันใหญ่ ว่าจะเหมือนหรือต่างจากคอมิคแค่ไหน จะเปิดเผยใครเป็นผู้ร้ายคนต่อไป เรียกได้ว่า Arrow เรียกกระแสแฟนคอมิคมาสู่หน้าทีวีได้เป็นกลุ่มเป็นก้อนพอที่จะเปิดตัวซูปเปอร์ฮีโร่คนต่อไป อย่าง The Flash ใน 2 ปีถัดมา

Arrow คือเรื่องราวของ Oliver Queen (Stephen Amell) หนุ่มเพลย์บอยมหาเศรษฐีที่ไปล่องเรือ ก่อนเรือจะล่ม พ่อตายไปในเหตุการณ์นั้น ก่อนตายได้บอกความลับของเมือง รายชื่อกลุ่มคนที่ฉ้อฉล โอลิเวอร์หายสาปสูญไป จนกระทั่ง 5 ปีถัดมา เขากลับมายัง Starling City และก็กลายเป็นนักธนูศาลเตี้ย The Arrow ที่คอยปราบปรามเหล่าร้าย แต่ฉากหน้ายังคงเป็น Oliver Queen ชายหนุ่มเจ้าสำราญ ใช้ชีวิตไปวันวัน

ยอมรับเลยว่าไม่เคยอ่านคอมิคเรื่องนี้มาก่อน ดูเพราะเป็น CW น่าสนใจ น่าดูตอนเห็น Trailer, พอดูตอนแรกรู้ถึงกลิ่นอายของ Batman ลอยมาเลย ทั้งการที่พ่อตาย ต้องการล้างแค้น เลยกลายมาเป็นศาลเตี้ย แต่เพราะบ้านรวย ฉากหน้าเลยเป็นลูกคนรวย เพล์บอยไปวันวัน แล้วก็พยายามคืนดีกับแฟนเก่า บลา บลา บลา ...

หลักๆ ของ Arrow จะเล่าเรื่องสลับไปมาระหว่างเหตุการณ์ปัจจุบันที่ตามล่าล้างแค้นคนโกง คนที่ทำลายเมือง ตามรายชื่อที่พ่อให้เขาไว้ก่อนตาย กับเหตุการณ์ช่วงที่เขาหายไป 5 ปีว่าหายไปไหน ทำไมเขาถึงได้มาเป็น The Arrow ได้ ผูกกับตัวร้ายหลักประจำซีซั่น ที่ต้องตามหาเฉือนคมธนูกันไป กับตัวร้ายย่อยๆ ประจำตอนให้ปราบ

เรื่องแอคชั่นถือว่าสนุกเลยใน 1-2 ซีซั่นแรก มีตัวร้ายที่ถ้าเป็นแฟนคลับซุปเปอร์ฮีโร่ก็น่าจะพอรู้จักโผล่มาบ้างประปราย ให้คนดูได้อ๋อกัน ขโมยตัวร้ายฝั่งพี่แบทแมนมาบ้าง เรื่องดราม่า Flashback ก็น่าสนใจอยู่ แถมได้ลุ้นเรื่องชีวิตรักอีกนิดหน่อย ตามสไตล์รักสามเส้าของช่อง CW ที่ขาดไม่ได้ แม้ตอนซีซั่นกลางๆ เริ่มมีตัวละครน่ารำคาญประมาณ เนื้อเรื่องเริ่มวนๆ 

ช่วงปีแรกๆ นี่สนุกมากับการดูแล้วได้มาทายว่าใครจะกลายเป็นฮีโร่ตัวไหน อย่างตอนที่ Roy Harper (Colton Haynes) ปรากฎตัวครั้งแรกในเรื่อง ด้วยฮู้ดสีแดง นี่กรี๊ดเลย คนคิดกันใหญ่ว่า เนี่ยหรือจะกลายเป็น Speedy / Red Hood กันแน่ หรือการเผยว่าจะมี Black Canary คนก็ลุ้นไปว่าจะให้ใครจะเป็น จะหักมุมรึเปล่า ...ถือว่า Arrow ทำซีรี่ส์ออกมาเน้นแฟนเซอร์วิสเหล่าแฟนคลับค่อนข้างมาก

จำได้ว่าช่วงนั้นกรี๊ดถึงขนาดมี Q&A Video Call ในงาน Comic Con Thailand ให้ตั้งคำถาม แล้วมี 10 คนจะได้ไปถามในงาน กับ Video Call ตอนนั้นคือ ตาย! ตาย! ต้องได้! เราก็ตั้งคำถาม 'อยากให้ตัวร้ายตัวไหนมาโผล่ในโชว์มากที่สุด' 

อย่างที่บอกพอเร่ิมฉายนานขึ้น แพทเทิร์นเริ่มเหมือนเดิม เลยออกจะเสียหลักไปหน่อย ก็หันไปเน้นดราม่าง้องแง้งซะเยอะ แอบรำคาญบ้าง ช่วงนั้น The Flash Season 1 กำลังมา เลยหันไปดู The Flash แทน เลยเกิดการเปรียบเทียบกันกลายๆ และรู้สึกว่า The Flash เพลินกว่า เลยตามดู The Arrow แบบ Skip ห่างๆ อย่างห่วงๆ 

หรือการที่เนื้อเรื่องค่อนข้างวนไปไกลถึง Nanda Parbat พูดถึงราช อัล กูร พวกนี้ ดราม่า 5 ปี ของโอลิเวอร์ก็ดาร์คขึ้นเรื่อยๆ จนน่ารำคาญเป็นระยะ รู้สึกสนุกกับเรื่องตอนสมัยที่ปราบตัวร้ายหลายๆ แบบมากกว่า เช่น กำจัดคนโกงบ้าง กำจัดนักการเมือง 

แต่ซีซั่นหลังๆ เริ่มเข้ารูปเข้ารอยขึ้น เหมือนตั้งหลักใหม่มาดี และเตรียมขมวดให้จบสวยๆ ด้วย แถมพอมี DC's Legend of Tomorrow ที่ตัวละครฮีโร่เยอะ ก็เลยปูฮีโร่อยู่ใน The Arrow เยอะ แล้วก็ทำตอน Crossover กันใหญ่ แถมตอนนี้ Supergirl จากที่ Season แรกอยู่ช่อง CBS ตอนนี้ย้ายมา CW แล้ว กลายเป็นจักรวาล DC กันเต็มช่องไปเลย Crossover เลยกลายเป็นเหมือนเทศกาลที่ต้องมีกันทุกปี ที่สำคัญคือ DC กล้ามากที่จะทำ Event ใหญ่อย่าง Crisis on the Infinity Earth ที่ครอสกันถึง 5 ซีรี่ส์ เป็นเหมือนการโละและรีบูทกลายๆ เพื่อรวมและแบ่งแต่ละ earth ขึ้นใหม่ เอาเป็นว่าเดี๋ยวไปเล่ายาวๆ อีกบล็อกเพราะประทับใจอยู่ รวมถึงเป็นเหตุการณ์บทสรุปของ Arrow ที่ฉายเป็นซีซั่นสุดท้ายพอดีด้วย เลยจบแบบสวยงามยิ่งใหญ่ สมเป็นผู้บุกเบิกจักรวาล DC ให้กับจอแก้วจริงๆ

Stay Connect, Stay Up-to-date > KJ's Everything